Self-Sovereign Identity — Opportunities and Challenges for the next era

Pakorn AJ Leesakul
2 min readJan 21, 2019

--

ความท้าทายสำหรับโลกยุคใหม่

“Self-Sovereign” แปลเป็นภาษาไทยว่า “อธิปไตย” หมายความว่า มีอำนาจในการปกครองตนเอง เมื่อนำมารวมกับคำว่า Identity (อัตลักษณ์) จะแปลว่า บุคคลเป็นผู้ถือครอง/ปกครองอัตลักษณ์ตนเอง

Self-Sovereign Identity ถือเป็น Decentralization System รูปแบบหนึ่ง

แนวคิดเกี่ยวกับ Decentralized Identity ถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1970 โดยผู้บุกเบิกอย่าง Whitfield Diffie, Martin Hellman และ Ralph C. Merkle ผู้คิดค้น Public-key Protocol โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยให้ผู้คนปกป้องความเป็นส่วนตัวของตนเองในยุคดิจิตอล

เทคโนโลยี Blockchain มีส่วนอย่างยิ่งที่จะผลักดัน Digital Identityให้ก้าวเข้าสู่ยุคของ Self-Sovereign Identity

ปัญหาของระบบ Identity ในปัจจุบัน

‘Digital Identity’ กำลังทวีความสำคัญกับผู้บริโภคมากขึ้นในชีวิตประจำวัน การรับมือกับชื่อ username / password จำนวนมากจากบริการที่หลากหลาย กลายเป็นภาระที่ขัดขวางการเติบโตของธุรกรรมออนไลน์

รวมถึงกระบวนการพิสูจน์ตัวตนที่ยุ่งยากและซับซ้อน

  • การพิสูจน์ตัวตนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือการใช้ภาพและเอกสารสำเนา ซึ่งหมายความว่าคนที่ทำการตรวจสอบเอกสารด้วยตนเอง แล้วจึงนำข้อมูลเหล่านั้นเข้าสู่ระบบ
  • เอกสารบางอย่าง เช่น สำเนาเอกสาร สามารถลอกเลียนแบบได้ง่าย
  • ค่าใช้จ่ายในการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกต้องสำหรับลูกค้าและการป้องกันข้อมูลจากแฮคเกอร์นั้นเป็นสิ่งที่องค์กรและหน่วยงานที่กำกับดูแลกังวลเป็นอย่างมาก

“Decentralization is a visible trend in identity management in order to tackle the issues of globally scoped digital identities”

แนวคิดของ Self-Sovereign Identity

แนวคิดของ Self-Sovereign Identity คือการมอบสิทธิการใช้งาน Identity คืนกลับให้กับเจ้าของ Identity นั้นๆ ไม่ว่าใครต้องการจะเข้าถึงหรือใช้ข้อมูล จะต้องได้รับอนุญาตจาก “Owner” หรือ “Holder” ก่อนเสมอ

ซึ่ง Identity ไม่ได้จำกัดเฉพาะของคนเท่านั้น แต่ยังหมายถึง Identity ของสัตว์, สิ่งของ, ทรัพย์สิน ฯลฯ

แผนภาพที่แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการทำงานของ Self-Sovereign Identity

โลกในอนาคตจะกลายเป็น Connected-World โดยสมบูรณ์ Device ทุกชิ้นสามารถเชื่อมต่อและส่งข้อมูลถึงกันได้ทั้งโลก การรักษาให้ข้อมูลส่วนตัวไม่ตกไปอยู่กับหน่วยงานหรือใครคนใดคนหนึ่ง ถือเป็น Global Challenge ที่สำคัญของโลกยุคต่อจากนี้

ถ้าเราลองมองในแง่ของเศรษฐกิจและสังคมที่เข้าสู่รูปแบบ Decentralized โดยสมบูรณ์ จะน่าตื่นเต้นแค่ไหน เมื่อผู้คนทั่วโลกกลายเป็นเจ้าของข้อมูลของตัวเอง

สิ่งนี้อาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้กับ Business Model ใหม่ๆ มีวิธีการที่แตกต่างกันมากมายในการสร้างอนาคตของ Self-Sovereign Identity แต่แน่นอนในอนาคตทุกๆโมเดลจะต้อง Interoperable กันได้โดยสมบูรณ์จากมาตรฐานที่ทุกคนร่วมกันสร้างขึ้น

interoperable network

The evolution of identity

Since the introduction of the Internet, digital identity has continued to evolve from the concept of centralized identity, Christopher Allen
  • Centralized identity. การควบคุมดูแลโดยผู้มีอำนาจเดียวหรือลำดับชั้น
  • Federated identity. การควบคุมดูแลโดยหน่วยงานหลายแห่ง
  • User-centric identity. การควบคุมส่วนบุคคลหรือการบริหารข้ามหน่วยงาน
  • Self-sovereign identity. การควบคุมโดยบุคคล ไม่ขึ้นกับหน่วยงานใดๆ

การวิวัฒนาการของ Identity จากอดีตถึงปัจจุบันและอนาคต ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนถ่ายจาก Federated Identity ไปยัง User-Centric Identity และจะเข้าสู่ Self-Sovereign Identity ในอนาคตอันใกล้นี้

Image result for identity foundation logo
http://identity.foundation/

ปัจจุบันหน่วยงานที่เริ่มมีบทบาทในเรื่อง Decentralized Identity นี้ คือ DIF

Finema เองก็เข้าไปร่วมเป็นสมาชิกใน DIF เพื่อกำหนดมาตรฐานกลางในการพัฒนา Self-Sovereign Identity ที่จะทำให้ Product ของแต่ละคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Self-Sovereign Identity ถือเป็น Global Challenge ที่ใหญ่มากสำหรับปีนี้ เราน่าจะได้เห็นการขยับของ Giant Tech หลายรายเร็วๆนี้ รวมทั้งมี Start-up ที่จะเกิดขึ้นพร้อม Business Model ใหม่ๆ อีกมายมาย

--

--

Pakorn AJ Leesakul
Pakorn AJ Leesakul

Written by Pakorn AJ Leesakul

Entrepreneur, Tech, Digital, Blockchain, Quantum, Transform, Wisdom, Digital Identity, Self-Sovereign Identity, Futurist

No responses yet